แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คงไม่สามารถเอาชนะ บาร์เซโลน่า ในคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาได้หากไม่มี คาเซมิโร ซึ่งชัยชนะในครั้งนี้เป็นชัยชนะที่ทำให้พวกเขาผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในการแข่งขัน ยูโรป้าลีก และทำให้พวกเขาเป็นตัวเต็งในการคว้าถ้วยรางวัลในฤดูกาลนี้
นักเตะหนุ่มชาวบราซิลรายนี้ได้รับการเปิดตัวในฐานะผู้เล่นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากที่เขาได้ย้ายมาจาก เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 60 ล้านปอนด์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวก็ค่อนข้างทำให้หลายคนตกใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเขาเป็นผู้เล่นที่มีดีกรีในระดับนึงด้วยการคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก 5 สมัย สถิติความสำเร็จในอดีตของเขานั้นชัดเจน ซึ่งไม่เคยมีใครลงเล่นเกิน 300 เกมให้กับสโมสรที่คว้าแชมป์ยุโรปได้หลายสมัยเหมือนที่ เรอัล มาดริด ทำ แต่สำหรับใครก็ตามที่ไม่ได้เป็นแฟนตัวยงของ เรอัล มาดริด พวกเขาก็อาจจะได้รู้จัก คาเซมิโร ได้ในตอนนี้
ในตอนแรก คาเซมิโร่ ใช้เวลาสองสามสัปดาห์ในการปรับตัวกับสไตล์การเล่นของ เอริค เทน ฮาก ก่อนที่เขาจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงให้กับทีม และเมื่อเขาทำสำเร็จ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ก้าวขึ้นมาเป็นทีมที่แข็งแกร่งกว่าเดิมเป็นอย่างมาก และแฟนๆ บอลก็ชื่นชมเขาเป็นอย่างมาก มันบ่งบอกว่าเกมสุดท้ายของการเป็นนักเตะฝึกหัดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของเขาคือการลงมาจากม้านั่งสำรองในเกมที่พ่ายแพ้ให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไป 6-3 นับตั้งแต่กลายเป็นผู้เล่นตัวจริง และทีมก็แพ้เพียงแค่นัดเดียวใน 19 เกมที่เขาลงเล่นในทุกรายการ
นักเตะชาวบราซิลยังคงแสดงตัวตนและความสมดุลในตำแหน่งกองกลางให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดหายไปกว่าทศวรรษก่อนที่เขาจะมาถึง แม้ว่า บาร์เซโลน่า จะทำผลงานได้เหนือกว่าในครึ่งแรก แต่เขาก็ยังเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในสนาม ทำให้มั่นใจว่าเกมรุกของ บาร์เซโลน่า ไม่สามารถทำไร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ และเขาก็สามารถช่วยทีมเก็บชัยชนะในเกมนี้ไปได้ในที่สุด