เขาเคยสร้างประสบการณ์ที่เลวร้ายที่สุดแก่ตัวของ “เนสต้า”
การแข่งขันยูฟ่าคัพ 1998 รอบชิงชนะเลิศในกรุงปารีส มันเป็นการเจอกันระหว่าง อินเตอร์ มิลาน และ ลาซิโอ้ และนั่นก็ทำให้โรนัลโด้ เปลี่ยนการรับรู้ของแฟนบอลที่มีต่อตัวของเขา จากสายตาของแฟนบอลที่มองเขาว่าเป็น “ผู้เล่นระดับโลก” ให้กลายมาเป็น “ผู้เล่นระดับปรากฏการณ์” ในการแข่งขันครั้งนี้ถูกระบุว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างศูนย์หน้าที่ดีที่สุดในโลกอย่าง โรนัลโด้ ที่จะต้องมาเจอกับ อเลสซานโดร เนสต้า กองหลังที่ดีที่สุดในโลกของ ลาซิโอ้
แต่ใน 90 นาทีมันก็เห็นได้ชัดว่าการแข่งขันมันราวกับว่าสนามแข่งขันกลายเป็นสวนหลังบ้านของกองหน้าทีมชาติบราซิลเลยก็ว่าได้
อินเตอร์เอาชนะทีมคู่แข่งจากอิตาลีได้แบบสบายๆ 3-0 โดยที่ตัวของ โรนัลโด้ ทำประตูสุดท้ายในคืนนั้น แต่จุดที่เป็นที่พูดคุยกันมาเป็นเวลานานหลายสิบปีจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ก็คือ การเล่นของโรนัลโด้ ที่หลอกตัวของเนสต้าจนหัวทิ่มหลายครั้ง กองหลังชาวอิตาเลียน เจอกับท่าสับขาหลอกของโรนัลโด้ และเจอท่า “อีลาสติโก้” จากโรนัลโด้จนเขาจั่วลมไปเต็มๆหลายครั้ง ในเกมนี้ เนสต้าหัวทิ่มหัวตำไปหลายครั้ง เขาหยุด R9 ฟันเหยินรายนี้ไม่ได้เลย และตัวของ เนสต้า ก็ได้ยอมรับหลังจากจบเกมว่า “มันเป็นประสบการณ์ที่แย่ที่สุดในอาชีพการเล่นฟุตบอลของผม เขาแค่เดินเลี้ยงบอลผ่านผมไปแค่นั้น”
โรนัลโด้ ได้รับการปรบมือให้เกียรติจากแฟนบอลผีแดง
เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2003 เหล่าแฟนบอลทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มาดูบอลในโอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้เป็นสักขีพยานในการชมการเล่นสุดคลาสสิกของเรอัล มาดริด ที่ได้มาเจอกับทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก และในเกมนัดนี้ก็เป็นการแข่งขันในรอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แม้ว่าจะเป็นฝ่ายเอาชนะในเลกที่สองที่บ้านของพวกเขาเอง แต่ไม่สามารถแย่งไฮไลต์ไปจากความเด่นเกินใครากโรนัลโด้ได้เลย แม้ว่ามาดริดจะแพ้ แต่โรนัลโด้สามารถทำแฮตทริคได้
โรนัลโด้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์สุดขีด เขาทำลายล้างแนวรับของยูไนเต็ดได้ดีที่สุดในสนาม และในเกมนี้นั้นแม้ว่าฝั่งเจ้าบ้านอย่าง รุด ฟาน นิสเตลรอย , โอเล กุนนาร์ โซลชา และ เดวิด เบคแฮม จะยิงประตูได้ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้กระแสของโรนัลโด้ในสนามซาลงได้เลย เพราะแฟนบอลของทีมผีแดง ได้พร้อมใจกันยืนปรบมือให้กับการเล่นอันยอดเยี่ยมของยอดดาวยิงรายนี้แบบพร้อมกันทั้งสนาม
ผู้อำนวยการของมาดริดที่อยู่บนอัฒจันทร์ต่างก็ประทับใจกับเสียงปรบมืออันดังกึกก้องของแฟนบอลที่มีต่ออัจฉริยะชาวบราซิล หลังจากจบเกม เดวิด เบ็คแฮม ได้กล่าวว่า “โรนัลโด้ทำลายพวกเราทั้งทีม แฟนบอลลุกขึ้นยืนแล้วลุกขึ้นปรบมือให้กับโรนัลโด้ มันสุดยอดมากเลยทีเดียวนะครับ” “ผมรู้สึกภาคภูมิใจในตัวแฟนบอล ที่ยกย่องคู่แข่งแบบนั้นมาก มันยอดเยี่ยมที่สุดครับ”
ความลึกลับของอาการป่วยก่อนเกมการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1998 รอบชิงชนะเลิศ
เมื่อคราวที่ทีมชาติบราซิลจะต้องเผชิญหน้ากับทีมชาติฝรั่งเศสในช่วงนัดชิงชนะเลิศของการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1998 ดวงตาทุกคู่ต่างได้จับจ้องไปที่ผู้เล่นที่เก่งที่สุดในโลกในเวลานั้น “โรนัลโด้” แต่เวทีฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวเต็มเปี่ยมไปหมดเลย เนื่องจากชื่อของโรนัลโด้นั้น แต่เดิมก็ไม่ได้รวมอยู่ในรายชื่อผู้เล่นตัวจริงที่จะได้ลงสนามในเกมนัดชิงชนะเลิศ
ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น กล่าวกันว่า โรนัลโด้มีอาการป่วยและถึงขั้นว่าต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเลยทีเดียว และกว่าจะกลับมาถึงแคมป์เก็บตัวทีมชาตินั้น เขาก็ถูกถอดชื่อออกจากรายชื่อนักเตะที่ได้ลงสนาม แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้น กองหน้ารายนี้ก็แจ้งโค้ชทีมชาติตอนนั้นอย่าง มาริโอ ซากัลโล ไปว่าเขาฟิตพอที่จะเริ่มลงเล่นในเกมนัดชิงชนะเลิศ แต่หมอปฏิเสธที่จะอนุญาตให้เขาลงสนาม ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์รู้สึกตกใจที่เห็นผู้เล่นรายนี้ ต้องลงไปเล่น แม้ว่าอาการของเขาจะไม่แสดงผลชัดเจนก็ตาม
และยังมีเรื่องระบุว่า สิ่งที่เข้ามากดดันให้โรนัลโด้กัดฟันลงสนามก็คือ Nike แบรนด์กีฬาที่โรนัลโด้เป็นพรีเซนเตอร์ และสหพันธฟุตบอลบราซิล CBF ได้มีการบรรลุข้อตกลงมูลค่า 105 ล้านปอนด์ร่วมกันในการเป็นพาร์ทเนอร์สนับสนุนทีมชาติด้วย และพวกเขาก็ร่วมมือกันเข้าไปกดดันผู้จัดการ และรวมถึงโรนัลโด้ ในการจะต้องลงเล่น
โรนัลโด้เคยโดนโห้อย่างหนักในสังเวียนเบร์นาเบว
“อิล เฟโนเมโน” ได้ย้ายไปค้าแข้งกับทีมเรอัล มาดริด หลังจากผ่านไปห้าปีกับการเล่นให้ทีมอินเตอร์ มิลาน และการลงนามของเขาเป็นข้อความแสดงเจตจำนงจาก เรอัล มาดริด เนื่องจากโรนัลโด้นั้นประสบความสำเร็จในฟุตบอลโลกปี 2002 เป็นอย่างมาก เพราะเขาได้แชมป์โลกกับบราซิล
ในช่วงสามปีที่เขาอยู่กับมาดริด โรนัลโดทำประตูได้ 85 ประตูในทุกรายการแข่งขัน แต่ไม่สามารถตอบโจทย์ในสิ่งแฟนบอลมาดริดต้องการได้เท่าไหร่ แฟนบอลที่นั่นมักจะเหน็บแนมโรนัลโด้เกี่ยวกับน้ำหนักของเขา รูปร่างของเขา และเขายังได้แชมป์ลีกแค่ 1 ครั้งเท่านั้น
นี่เองที่ทำให้โรนัลโด้ เลือกที่จะไม่ใยดีต่อเรอัล มาดริด และย้ายไปเอซี มิลานในเดือนมกราคม 2007 เขาเคยเปิดเผยถึงเรื่องความสัมพันธ์ที่มีปัญหากับแฟนบอลมาดริด เมื่อเขายอมรับว่า “ผมไม่เคยรู้สึกรักซานติอาโก เบร์นาเบว ผมไม่เคยได้รับการปฏิบัติด้วยความรักจากที่นี่”